วัฒนธรรมและประเพณี จังหวัดตาก




     ประเพณีและวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นปฏิบัติสืบต่อกันมาแสดงถึงความเจริญงอกงาม และเอกลักษณ์ของชาติไทยที่ทุกคนควรร่วมกันอนุรักษ์ และสืบทอดให้คงอยู่สืบไป เนื่องจากชาวจังหวัดตากส่วนหนึ่งมีเชื้อสายล้านนา จึงมีขนบธรรมเนียมประเพณีที่คล้ายคลึงกับคนทางเหนือ และอีกส่วนหนึ่งเป็นประเพณีของชาวไทยภูเขา ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และการละเล่นพื้นเมืองที่สำคัญ ที่นิยมปฏิบัติสืบทอดกันมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน




1. ประเพณีปอยส่างลอง

        หรืองานบวชลูกแก้ว เป็นงานประเพณีของชาวไตหรือไทใหญ่ เป็นงานประเพณีของชาวไตหรือไทยใหญ่ คำว่าปอย แปลว่า งาน ซึ่งหมายถึงงานเทศกาล งานมงคลต่าง ๆ ส่วนคำว่า ส่าง แปลว่า พระหรือเณร และคำว่า ลอง นั้นมาจากคำว่า อะลอง แปลว่า กษัตริย์ เมื่อนำมารวมกันจึงหมายถึง งานบวชเณรของเด็กที่แต่งตัวอย่างกษัตริย์ ถือเป็นงานบุญใหญ่ที่จะจัดขึ้นในทุก ๆ ปี ซึ่งผู้เป็นพ่อแม่ตลอดจนญาติมิตรของส่างลอง (ผู้ที่จะบวชเป็นเณร) จะต้องเตรียมข้าวของประกอบพิธีและการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ โดยผู้ที่จะบวชจะมีการขี่ช้างม้าหรือนั่งบนบ่าโดยไม่ให้เท้าแตะพื้น และมีการแต่งการประดับประดาเสมือนเป็นกษัตริย์นั่นเอง จะมีพิธีโกนผมเด็กที่จะเข้ารับเป็นส่างลอง มีพิธีอาบน้ำเงินน้ำทอง และแต่งกายให้ส่างลองด้วยชุดเจ้าชาย จะมีการแห่ขบวนส่างลองไปคารวะตามวัดต่าง ๆ จะมีการแห่ริ้วขบวนใหญ่ไปตามถนนสายหลักของหมู่บ้าน 

        ประวัติความเป็นมาของประเพณีปอยส่างลองมีกล่าวกันไว้หลากหลายตำนานแตกต่างกันไปตามพื้นที่ ซึ่งก็ปรากฏตำนานต่าง ๆ กัน ประเพณีนี้มีความสำคัญและยิ่งใหญ่ ซึ่งจัดงานเป็นประจำทุกปีชี้ให้เห็นถึงความศรัทธาอันแรงกล้าในพระพุทธศาสนาของชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนการสืบทอดประเพณีจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อสืบสานและอนุรักษ์ประเพณีอันดีงามให้สืบไปชั่วลูกชั่วหลานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น โดยจะจัดขึ้นทุกปีในช่วงปลายเดือนมีนาคม ย่างเข้าสู่เดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวบ้านว่างเว้นจากการเกี่ยวข้าวแล้ว



2. ประเพณีลอยกระทงสาย


        เป็นประเพณีเฉพาะท้องถิ่นของชาวจังหวัดตาก ซึ่งโดยทั่วไปการลอยกระทงไม่ว่าจะเป็นที่ใดก็จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน เช่น ต้องมีกระทงซึ่งประดิษฐ์ขึ้นลักษณะคล้ายดอกบัวบาน แต่ของจังหวัดตากใช้กระทงทำไม่เหมือนใคร คือ ใช้กะลามะพร้าวเป็นตัวกระทง ภายในมีไส้กระทงเป็นมะพร้าวแห้งชุบน้ำมัน สำหรับความเชื่อในการลอยกระทงนั้นก็คล้ายกับชาวไทยในภาคอื่น ๆ คือเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาพระแม่คงคา แต่ในบางครั้งก็เชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที อันเป็นคติความเชื่อเหมือนกับภาคกลาง แต่บางทีก็เชื่อว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระโมคคัลลีบุตรมหาสาวก จังหวัดตากนั้นมีแม่น้ำปิงไหลผ่าน โดยเฉพาะแม่น้ำปิงช่วงที่ไหลผ่านหน้าเมืองตาก ชาวตากเชื่อว่าสวยงามยิ่งกว่าที่อื่น ๆ เพราะน้ำปิงช่วงนี้เป็นหาดทราย และทิวทัศน์เบื้องหลังเป็นทิวเขา ชาวจังหวัดจึงใช้สถานที่แห่งนี้ในการลอยกระทงด้วย เมื่อถึงเวลาค่ำคณะศรัทธาที่จากคุ้มหมู่บ้านต่าง ๆ จะพากันแห่แหนขบวนกระทงของตนมายังจุดเริ่มต้นปล่อยกระทงสาย อันเป็นสะพานไม้เล็กๆ ที่เชิงสะพานแขวน แห่แหนมาพร้อมกับมีการบรรเลงดนตรี 
        
        โดยงานจะจัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปี ประเพณีลอยกระทงสายเป็นประเพณีเฉพาะที่สวยงามของเมืองตาก ที่หาชมที่ไหนไม่ได้จึงควรที่จะมีการอนุรักษ์ และสืบทอดประเพณีที่ดีงามนี้ไว้ตลอดไป





3.ประเพณีการเลี้ยงผีปู่ย่า

         
              
             ประเพณีเลี้ยงผีปู่ย่า เป็นประเพณีล้านนาทางภาคเหนือ สืบเนื่องกันมารุ่นต่อรุ่น โดยประเพณีเลี้ยงผีปู่ย่า แบบโบราณล้านนา หรือการเลี้ยงผีประจำตระกูล หรือที่เรียกกันว่าผีบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วพวกลูกหลานก็จะสร้างหอไว้ทางเบื้องทิศหัวนอน (ทิศตะวันออก) หรือในสถานที่ที่เห็นว่าสมควร บนหอจะมีหิ้งวางเครื่องบูชา บวงสรวงอัญเชิญดวงวิญญาณของผีปู่ย่า ให้มาสถิตอยู่ในศาล เพื่อพิทักษ์รักษาลูกหลานการเลี้ยงผีปู่ย่าโดยทั่วไปจะนิยมเลี้ยงในเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน แต่ด้วยความไม่สะดวกที่ญาติพี่น้องอยู่ห่างไกลกัน นานวันจะหวนกลับบ้านในช่วงปีใหม่สงกรานต์ ก็อาจใช้ช่วงเวลานี้เลี้ยง ผีก็ได้ส่วนใหญ่ก็จะเลี้ยงเป็นปีละ  1-2  ครั้งตามความสะดวกของแต่ละบ้าน




4.ประเพณีตานขวัญข้าว


                    

            การตานขันข้าวเป็นประเพณีหนึ่งของชาวล้านนาที่สืบทอดกันมาเป็นเวลานานเป็นการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้วายชนม์ไปแล้วเป็นวัฒนธรรมที่แสดงถึงความกตัญญูอีกแบบหนึ่งของชาวล้านนาโดยนำสำรับอาหารไปถวายวัดในวันเทศกาลสำคัญ หรือทำบุญอุทิศส่วนกุศลในโอกาสอื่น ๆ หรืออาจจะเป็นการทำบุญให้ตนเองเพื่อเป็นการสะสมบุญในชาติหน้า  ส่วนใหญ่นิยมทำกันในวันพระหรือวันสำคัญทางศาสนา เช่น วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา วันพญาวันหรือในวันอื่น ๆ เช่น วันคล้ายวันเกิด วันขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้นในวันดังกล่าวจะนำภัตตาหาร เครื่องอุปโภค บริโภค ไปถวายพระที่วัดเพื่ออุทิศส่วนกุศลไปให้พ่อ แม่ ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว แม่พระธรณี เจ้าที่ เสื้อวัดเสื้อบ้าน ครูบาอาจารย์ เจ้ากรรมนายเวร 
 


 

5.ประเพณีปีใหม่ม้ง

 

               เทศกาล “น่อเป๊โจ่วฮ์” หรือปีใหม่ม้ง เป็นงานประเพณีที่ชาวม้งต่างรอคอย เพราะเป็นวันที่ทุกคนจะได้มาพบปะ สังสรรค์ร่วมกันระหว่างกลุ่มญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และผู้อาวุโส
ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ความสนุกสนานที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการสืบทอดประเพณีที่เป็นความสัมพันธ์ทางสังคม ในวิถีความผูกพันและความเชื่อของชนเผ่าที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม-มกราคมของทุกปี
 
 
 
 

6.ประเพณีแล้อุ๊ปั๊ดตะก่า

 

               “แล้อุ๊ปั๊ดตะก่า” เป็นประเพณีแห่รับข้าวพระพุทธของคนเชื้อสายไทยใหญ่ในแม่สอด ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาของทุกปี แล้อุ๊ปั๊ดตะก่าถือเป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ โดยผู้เข้าร่วมในขบวนจะต้องเป็นชายที่นุ่งขาวเท่านั้น ห้ามมิให้หญิงเข้าร่วม แต่สามารถเดินร่วมตามหลังขบวนได้ การแห่จะเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีสีสันจากขบวนตุงที่หลากหลายสีมีศิลปวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของคนไทยใหญ่ คือการ “รำโต” หรือชาวบ้านเรียกว่า “รำกินกะร่า” หรือที่เรียกว่าการรำสิงโตนั่นเอง

7.ประเพณีสืบชะตา


     ประเพณีสืบชะตา หรือ สืบชาตา เป็นพิธีกรรมที่ชาวล้านนานิยมทำในโอกาสต่าง ๆ เพื่อต่อดวงชะตาหรือต่ออายุให้ยืนยาว มุ่งหวังมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มีความเจริญรุ่งเรือง และเพื่อความเป็นสิริมงคล จัดขึ้นเพื่อสืบชะตาสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพียงอย่างเดียว การสืบชะตาแต่ละสิ่งอาจมีพิธีกรรมที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งประเพณีการสืบชะตาแสดงให้เห็นถึงการผสมผสานกันระหว่างความเชื่อ ในศาสนาพุทธ ฮินดู หรือพราหมณ์ และเรื่องผีสางเทวดา เมื่อสืบชะตาแล้วเชื่อว่าจะช่วยเสริมสร้าง ดวงชะตาให้ดีขึ้น เป็นการบำรุงขวัญและกำลังใจของผู้ที่ประสบจากเคราะห์กรรมหรือผู้เจ็บป่วยให้กลับคืนสภาพปกติ






8.ประเพณีตานก๋วยสลาก


    ประเพณีตานก๋วยสลากหรือประเพณีถวายทานสลากภัต จะทำกันตั้งแต่ราว ๆ เดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคมเป็นประเพณีที่ชาวล้านนาแสดงความระลึกถึงบรรพบุรุษและญาติมิตรผู้ล่วงลับไปแล้ว ด้วยการทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ผ่านสิ่งที่เรียกว่า ก๋วยสลากก๋วยสลากจะสานจากไม้ไผ่ซึ่งข้างในถูกห่อหุ้มด้วยใบขมิ้น และใบตองบรรจุข้าวสารอาหารแห้ง อาหารปรุงสุก เครื่องอุปโภคบริโภค ด้านบนก๋วยสลากจะมีใบหมากพลู ไม้ดอก ไม้ประดับมัดรวมกัน มีเทียนบุหรี่มัดติดไม้เสียบเงินที่เป็นปัจจัย ส่วนในก๋วยสลากมีกระดาษเขียนไว้ว่าสลากก๋วยนี้จัดตานอุทิศไปหาผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว"
        
        สำหรับก๋วยสลากที่ทำกันมี 3 แบบได้แก่ "ก๋วยน้อย"  ใช้สำหรับอุทิศให้กับบรรพบุรุษ หรือผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จะเป็นญาติพี่น้อง เป็นมิตรสหาย หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงที่เคยอยู่ด้วยกันมาก็ได้ ทั้งช้าง ม้า วัว ควาย แมว และสุนัข หรือถ้าไม่ได้ถวายทานให้กับใครเป็นพิเศษก็สามารถถวายเอาไว้ภายภาคหน้าก็ได้ "ก๋วยใหญ่" จะเป็นก๋วยที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ สามารถจุของได้มากกว่า ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการทำบุญอุทิศบุญกุศลไปให้กับพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ที่ล่วงลับไปแล้ว "สลากโชค" จะแตกต่างจากก๋วยสองแบบแรกอย่างชัดเจน สลากโชคจะทำเลียนแบบต้นไม้สูงใหญ่ แล้วนำสิ่งของต่าง ๆ ไปแขวนไว้ เช่น ผ้าห่ม ที่นอน หมอน มุ้ง ถ้วยชาม เครื่องนุ่งห่ม อาหารแห้ง และเงินทอง

















แหล่งที่มา: https://board.postjung.com/1040659

https://www.royalparkrajapruek.org

             https://www.thairath.co.th/lifestyle/travel/2585581

             https://mgronline.com/travel/detail/9550000091327

             https://www.baanjomyut.com/library_2/extension-2/loy_line/index.html

             https://thai.tourismthailand.org

             https://board.postjung.com/1040659

             https://shorturl.at/cxVX8

ใหม่กว่า เก่ากว่า